วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2556

4 ข้อผิดพลาดที่ทำให้ลดความอ้วนไม่สำเร็จ




ผู้ เชี่ยวชาญด้านการลดความอ้วนกล่าวว่า สาเหตุที่คนเราลดความอ้วนไม่สำเร็จมักจะมาจากสาเหตุจากปัจจัยหลายอย่าง งั้นเราลองดูกันเลนค่ะว่าอะไรบ้างที่เป็นสาเหตุ
 
กินขนมหรือของว่าง (snack)
  • คนที่ตั้งใจลดความอ้วนอย่างดีมักจะพลาดไปเมื่อพบขนม หรือของกินประเภทสะดวกซื้อที่โรงเรียน หรือที่ทำงาน
  • ขนมส่วนใหญ่มีน้ำตาล เกลือ และไขมันสูง การกินขนมโดยไม่ลดแป้ง โดยเฉพาะไม่ลดข้าวมักจะทำให้การลดความอ้วนล้มเหลว เนื่องจากขนมทำให้ "อิ่ม" ได้น้อยกว่าข้าว โดยเฉพาะข้าวกล้อง หรือขนมปังเติมรำ (โฮลวีท)
  • ทางออกที่ดี คือ นำอาหารที่บ้านใส่ปิ่นโต หรือห่อข้าวไปกิน ไม่พกเงินค่าขนมไปด้วย และพกเงินติดตัวเฉพาะที่จำเป็น 
เสียดายของ (เหลือ)
  • คนที่ลดความอ้วนไม่สำเร็จส่วนหนึ่งเป็นนักประหยัด ไม่ชอบของเหลือ และแก้ปัญหากับข้าวเหลือบนโต๊ะด้วยการกินให้หมด
  • ทางออกที่ดี คือ เตรียมอาหารเฉพาะที่กินหมดได้พอดี ทีนี้ถ้ามีของเหลือ... ให้รีบนำใส่ภาชนะบรรจุมิดชิด เช่น ทัพเพอร์แวร์ ฯลฯ ใส่ในตู้เย็น และกินของเหลือ
ดื่มเหล้า
  • เหล้า เบียร์ ไวน์ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กำลังงานสูงมากถึง 7 แคลอรีต่อกรัม มากกว่าแป้งหรือน้ำตาลที่ให้กำลังงาน 4 แคลอรีต่อกรัม
  • การดื่มเหล้าทำให้กินอาหารมากขึ้น และขาดสติ... กินเพลิน เลยอ้วนเลย
กินผัก- ผลไม้น้อยเกิน
  • การกินผักและผลไม้ที่ไม่หวานจัด เช่น มะละกอ ฝรั่ง แอปเปิล ส้มโอ ฯลฯ ทั้งผลช่วยป้องกันโรคอ้วน และโรคอ้วนลงพุงได้ เนื่องจากเส้นใยหรือไฟเบอร์ดูดซับน้ำได้ดี ทำให้อิ่มได้นาน
  • ข้อควรระวังคือ ไม่จำเป็น... อย่าดื่มน้ำผลไม้ที่กรอง หรือปั่นแยกกากออก เนื่องจากน้ำผลไม้มีน้ำตาล และมีเส้นใยน้อยมาก ทำให้อิ่มได้น้อย และทำให้อ้วนได้ง่าย
ที่มา : teenee.com


สูตรเด็ดบอกลาเซลลูไลท์

สูตรเด็ดบอกลาเซลลูไลท์
ผิวเปลือกส้มหรือเซลลูไลท์หรือที่รู้จักกันว่าก้อนเนื้อขรุขระที่อยู่รอบต้นขาและก้น ตามทฤษฎีกล่าวว่าเซลลูไลท์เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงของไขมันที่สะสมอยู่ใต้ ผิวหนัง เมื่อชั้นบางๆของเนื้อเยื่อระหว่างเซลล์ไขมันเปลี่ยนเป็นเส้นๆและรวมตัวกัน อยู่รอบๆ ไขมัน เป็นสาเหตุให้เกิดรอยบุ๋มเล็กๆ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเซลล์ลูไลท์เล่นงานคุณแล้ว
 
ดูเหมือนเซลลูไลท์มีส่วน เกี่ยวพันอย่างแยกไม่ออกกับผลของฮอร์โมนในร่างกายโดยเฉพาะเอสโตรเจน ดังนั้นเมื่อระดับฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน เช่น ช่วงเริ่มมีประจำเดือนของวัยรุ่น ช่วงตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในช่วงวัยทอง เหล่านี้ล้วนก่อให้เกิดเซลล์ลูไลท์มากขึ้น เรามาดูวิธีต่างๆ ที่ช่วยสลายเซลลูไลท์กันค่ะ
 
การควบคุมอาหาร
การหันไปทานอาหารที่มีไขมัน ต่ำ เช่น ผักและผลไม้ จะช่วยลดสารพิษและกำจัดไขมันที่จับตัวอยู่ในเนื้อเยื่อผิว ควรทานผักผลไม้สดและอาหารจำพวกโฮลเกรนมากๆ ห้ามเด็ดขาดสำหรับกาแฟ น้ำอัดลม บุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การดื่มน้ำมากๆ เป็น เพราะจะช่วยขจัดสารพิษที่ไม่พึงปรารถนาออกจากร่างกาย
 
การนวด
ไม่เพียงช่วยให้รู้สึกสบายตัว ได้อย่างน่าอัศจรรย์เท่านั้น การนวดยังช่วยกำจัดเซลลูไลท์ด้วยการบีบกดกล้ามเนื้อ และกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตตลอดจนระบบน้ำเหลืองที่จะทำให้เนื้อเยื่อไขมัน แตกตัว โดยสามารถนวดเองได้ เริ่มจากนวดเบาๆที่ขาแต่ละข้างสัก 2-3 นาที เพื่อให้ไขมันแตกตัวและกำจัดสารพิษ หากต้องการนวดตั้งแต่หัวจรดเท้า ให้ใช้วิธีที่เรียกว่า Endermologie cellulite treatment เป็นเครื่องมือสำหรับดูดและกลิ้งบนผิวหนังเพื่อให้ผิวหนังกระชับ แต่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงค่ะ
 
การออกกำลังกาย
จะช่วยสูบฉีดออกซิเจนไปเลี้ยง ส่วนต่างๆของร่างกาย ทำให้เลือดไหลเวียนดี ช่วยให้ผิวที่เป็นลอนหยักขรุขระ ซึงเกิดจากเซลล์ลูไลท์หายไป ช่วยให้กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อรอบๆผิวที่เป็นลอนหยักกระชับแข็งแรงขึ้น เซลล์ลูไลท์หายไป

 
การปัดแปรงผิว
การใช้แปรงนวดหรือถุงมือขัด ผิวเป็นประจำวันละ 2 นาที จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและสลายเซลลูไลท์ เริ่มจากเท้าและให้ปัดแปรงผิวในทิศทางที่มุ่งเข้าสู่หัวใจ
 
การห่อตัว
ส่วนใหญ่เราสามารถใช้บริการ วิธีนี้ได้ตามสปา การห่อตัวจะใช้ผ้าเปียกที่มีส่วนผสมของสมุนไพรและสาหร่างทะเลที่จะช่วยให้ ผิวชุ่มชื่นมีชีวิตชีวา และขจัดสารพิษจากผิว โดยจะห่อตั้งแต่หน้าอกไปจนถึงนิ้วเท้า ทิ้งไว้หนึ่งชั่วโมง โดยสรรพคุณของแร่ธาตุที่อยู่ในผ้าห่อตัวจะทำหน้าที่สลายเซลลูไลท์ หลังจากเอาผ้าห่อตัวออกแล้วนวดจะช่วยให้โลหิตหมุนเวียนดีค่ะ
 
ที่มา : นิตยสาร Health plus

วิธีวัดค่าความอ้วน คุณอ้วนไปหรือผอมไปกันแน่


วิธีวัดค่าความอ้วน คุณอ้วนไปหรือผอมไปกันแน่

ไม่แน่ใจ ว่าตอนนี้เราอ้วนไป หรือว่าผอมไป เค้าวัดค่าความอ้วน ความผอมจากอะไรน้า ถ้าใครไม่รู้ อ่านต่อด้านล่างเลยค่ะ

วิธีวัดค่าความอ้วน จากน้ำหนัก ส่วนสูง

วัดความอ้วนด้วยค่าดัชนีมวลกาย ตามสูตร น้ำหนัก (กก.) / ส่วนสูง (ม.) x ส่วนสูง (ม.)

เช่น น้ำหนัก 50 กก. สูง 1.60 เมตร จะได้ค่าดัชนีมวลกาย = 50/1.6×1.6 = 19.5 กิโลกรัมต่อตารางเมตร
ถ้าได้ค่าน้อยกว่า 18.5 แปลว่า คุณมีรูปร่างที่ผอม
ถ้าได้ค่า 18.5 – 22.9 แปลว่า คุณมีรูปร่างสมส่วน
ถ้าได้ค่า 23 – 24.9 แปลว่า คุณเริ่มอ้วนแล้ว
ถ้าได้ค่าตั้งแต่ 25 แปลว่า คุณมีรูปร่างที่อ้วน

วิธีวัดค่าความอ้วน จากพุง

หยิบสายวัด มาวัดรอบพุงกันดีกว่าค่ะ

สำหรับผู้ชายที่มีรอบเอวมากกว่า 36 นิ้ว และผู้หญิงที่มีรอบเอวมากกว่า 32 นิ้ว ถือว่าคุณมีพุง นั่นคือ คุณอ้วนแบบลงพุง

โอย วัดค่าทุกค่า เกินมาตรฐานหมด ทำไงดี

ก็เริ่มต้นจาก ออกกำลังกายทุกวัน อย่างน้อยวันละ 30–60 นาที ทานอาหารที่มีประโยชน์ กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป

ถ้าค่าต่ำกว่ามาตรฐานหล่ะ

คุณควรจะกินให้มากขึ้น ถ้าคุณรับประทานอาหารเข้าไปน้อย จะทำให้คุณไม่มีแรง ไม่มีพลังงาน ในการเรียนรู้ การใช้ชีวิต ในแต่ละวัน

อย่าลืมนะคะ

ความอ้วน ไม่อ้วน อยู่ที่เราค่ะ ถ้าเราอยากมีสุขภาพที่ดี ไม่เจ็บป่วยบ่อยๆ พยายาม รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย และพักผ่อนอย่างเพียงพอค่ะ

หมั่นดูแลสุขภาพตัวเองอยู่เสมอนะคะ ไม่มีใครรู้จักร่างกายของเราดีเท่าตัวของเราเองนะคะ

ข้อมูล sakid.com

วิธีการง่ายๆ เพื่อคืนคอลลาเจนให้กับผิวของคุณ


วิธีการง่ายๆ คืนคอลลาเจนให้กับผิวของคุณ

ใครรู้สึกว่าผิวหน้าและผิวกายเปลี่ยนไปบ้างคะ ถ้ารู้สึกว่าไม่สดใสเหมือนเดิมวันนี้ ขอเสนอวิธีง่ายๆที่จะทำให้ผิวที่แห้งกร้านและดูร่วงโรยก่อนวัยอันควรกลับมา เปล่งปลั่งอีกครั้ง ด้วยวิธีการคืนคอลลาเจนให้กับผิวค่ะ

คอลลาเจน เป็นโปรตีนที่ช่วยให้ผิวของคุณยืดหยุ่นแข็งแรงและเรียบเนียน เมื่อเรายังเป็นวัยรุ่นเราจะมีความอุดมสมบูรณ์ของคอลลาเจนซึ่งทำให้ผิวดู อ่อนเยาว์ อย่างไรก็ตามขณะที่อายุมากขึ้นคอลลาเจนในผิวของเรานั้นก็จะน้อยลง ทำให้ผิวสูญเสียความสามารถที่จะรักษาความยืดหยุ่นและเริ่มที่จะมีริ้วรอย ดังนั้น วันนี้เราจึงมีวิธีที่จะเรียกคอลลาเจนที่สูญเสียนั้นกลับมาอย่างง่ายๆด้วย วิธีดังนี้

1. ผักสีเขียว ทราบกันหรือไม่ว่าผักสีเขียวนี้มีปริมาณของวิตามินซีและลูทีนสูง ซึ่งแร่ธาตุทั้ง 2 ชนิดนี้จะช่วยกันผลิตคอลลาเจนให้มากขึ้น เช่นผักโขม หรือคะน้าดังนั้นในแต่ละมื้อของอาหารเราควรที่จะหาผักใบเขียวมากินกันด้วยนะ ค่ะ

2. รับประทานอาหารที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งจะช่วยในการผลิตคอลลาเจน อาหารที่อุดมไปด้วยกรดไขมันอิ่มตัว ได้แก่น้ำมัน flaxseed (น้ำมันเมล็ดลินิน) ,ปลาแซลมอน ,ปลาทูน่า, เม็ดมะม่วงหิมพานต์และถั่วอื่น ๆ

3. รับประทานผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง เพราะถั่วเหลืองมีสาร Genistein, Isoflavon ที่จะช่วยรักษาความชุ่มชื้น ยืดหยุ่นของผิวหนัง ช่วยให้มีการผลิตคอลลาเจนพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังมีไฟเบอร์สูง โอเมกา 3 และวิตามิน อี อีกด้วย

4. ดื่มชาเขียว เพราะในชาเขียวมีสาร Flavanoids เป็นสารที่ช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระในชาเขียวไม่เพียงแต่จะมีประสิทธิภาพสูง มากกว่าวิตามินซีถึง 100 เท่า แต่ยังมีประสิทธิภาพสูงกว่าวิตามินอี กว่า 25 เท่าในการทำลายอนุมูลอิสระ

5. มาสก์หน้าโดยใช้ส่วนผสมที่มีน้ำมันอโวคาโด เพราะในน้ำมันอโวคาโดนั้นมีฤทธิ์ช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวชุ่มชื้น และช่วยลดรอยสิวและริ้วรอยได้

ไม่ยากใช่มั้ยคะ อย่าลืมออกกำลังกายเพื่อให้มีสุขภาพผิวที่ดียิ่งขึ้นกันด้วยนะคะ ^^

ข้อมูล sbs.in.th

สูตร (ไม่ลับ) สลายไขมัน


สูตร (ไม่ลับ) สลายไขมัน

คอลัมน์ออกกำลังเป็นยาวิเศษเผยควบคุมปริมาณ และชนิดของอาหารทุกมื้อ พร้อมทั้งดื่มน้ำมาก ควบกินเม็ดแมงลักแช่น้ำอุ่น 1 แก้ว ผสมน้ำหวานเล็กน้อย ก่อน 5 โมงเย็น ห่างไกลไขมัน...

"ไขมัน" นั้นอันที่จริงก็เป็นสิ่งที่เราสร้างกันขึ้นมาเอง แต่แล้วในที่สุดก็ต้องมาหาวิธีกำจัดกันในภายหลัง

สำหรับสูตร (ไม่ลับ) ในการสลายไขมันที่จะนำมาบอกต่อ กันวันนี้ มีที่มาจากคอลัมน์ "ออกกำลังกายเป็นยาวิเศษ" ในจดหมายข่าว "สร้างสุข" เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่ อ.รุ่งชัย ชวนไชยะกูล และแผนงานส่งเสริมการออกกำลังกายและกีฬาเพื่อสุขภาพ สสส. บอกไว้ว่า

เคล็ดลับง่าย ๆ คือ สูตร "พลังงานที่กินเข้าไปต้องน้อยกว่าพลังงานที่ใช้ออกมา" โดยเริ่มต้นจากการกินให้น้อยลงกว่าที่ควรเป็น หัวใจหลักก็คือต้อง "ควบคุมปริมาณอาหาร ชนิดของอาหารแต่ละมื้อ" อย่างเคร่งครัด แต่ความต้องการพลังงานของคนเรานั้นแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับ เพศ อายุ ลักษณะและขนาดรูปร่าง

วิธีนี้อาจทำให้ร่างกายโหย และจะหักโหมกินอาหารในมื้อต่อไปมากขึ้น ก็มีทางแก้ง่าย ๆ คือต้องดื่มน้ำเปล่าให้มากๆ หรือขจัดความหิวด้วยการนำเม็ดแมงลักมาแช่ในน้ำอุ่น 1 แก้ว แล้วเติมน้ำหวานลงไปเล็กน้อย รอให้เม็ดแมงลักพองตัว แล้วดื่มให้หมด เพราะพลังงานที่เกิดจากการกินเม็ดแมงลักเข้าไปถูกใช้มากที่สุด ควรกินเม็ดแมงลักก่อน 5 โมงเย็น

ส่วนอีกวิธีคือ เน้นออกกำลังกายให้นานกว่าปกติ เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายเผาผลาญไขมันส่วนเกิน นั่นคือหากจะลดน้ำหนักลงครึ่งกิโลกรัมใน 1 สัปดาห์ ต้องออกกำลังกายเผาผลาญไขมันให้ได้วันละ 500 กิโลแคลอรี และต้องออกกำลังติดต่อกันทั้ง 7 วัน แต่การออกกำลังกายทุกวันอาจหนักเกินไป ทำให้ร่างกายไม่มีเวลาพักผ่อน อาจเกิดอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า โทรมเร็วกว่าปกติได้

ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดควรเลือกวิธีใดวิธีหนึ่งแล้วแต่ความเหมาะสม แต่ถ้าทำทั้งสองวิธีควบคู่กันไปใน 1 วัน ด้วยการลดกินอาหารลงประมาณ 250 กิโลแคลอรี และออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญไขมันวันละ 250 กิโลแคลอรี ก็จะช่วยให้ไม่โหยอาหาร และช่วยให้น้ำหนักค่อย ๆ ลดลงอย่างถาวรอีกด้วย


ขอบคุณ ไทยรัฐ

ผอมเพรียวกับเทคนิคกระตุ้นเมตาบอลิซึ่ม


ผอมเพรียวกับเทคนิคกระตุ้นเมตาบอลิซึ่ม

อยากผอมไว ๆ ใช่ไหมล่ะ แต่ถ้าระบบเผาผลาญอาหารที่เราเรียกกันว่า "เมตาบอลิซึ่ม" ไม่ทำงาน ต่อให้คุณอดอาหารขนาดไหน ความผอมก็ยังเป็นแค่ความฝันเท่านั้น

1. เสริมสร้างกล้ามเนื้อ ถึงแม้ว่าคุณจะนั่งเฉย ๆ ไม่ได้ทำอะไรเลย แต่เมตาบอลิซึ่มก็ยังทำงานอยู่นะ แล้วยิ่งคุณมีกล้ามเนื้อมากร่างกายคุณก็จะเผาผลาญพลังงานมาก ซึ่งวิธีสร้างกล้ามเนื้อก็ไม่ยาก เพียงแค่ออกกำลังกายเป็นประจำสักวันละครึ่งชั่วโมง อย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์เท่านั้นเอง

2. ขยับตัวแอโรบิกสักหน่อย การเต้นแอโรบิกจะช่วยกระตุ้นเมตาบอลิซึ่มได้เร็วที่สุด เชื่อมั้ยว่าการเต้นแอโรบิกแค่ครึ่งชั่วโมงจะช่วยให้เมตาบอลิซึ่มทำงานอย่าง แอ็กทีฟไปอีก 2-3 ชั่วโมง แต่ก็ต้องเต้นหนัก ๆ หน่อยนะ ให้หัวใจได้เต้นแรงเต็มที่ 120 ครั้งต่อนาที ต่อเนื่องสัก 30 นาทีนะจ๊ะ

3. ดื่มน้ำเยอะ ๆ ถ้ากระบวนการเมตาบอลิซึ่มเหมือนเครื่องยนต์สักเครื่องหนึ่งน้ำก็เปรียบ เหมือนน้ำมันชั้นดีที่จะทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าคุณขาดน้ำ เมตาบอลิซึ่มก็จะเฉื่อยชาทำงานได้ช้าลง น้ำที่ดื่มก็ควรจะเป็นน้ำเปล่า หรือน้ำผลไม้ที่ไม่เติมน้ำตาล หรืออาจจะเลือกรับประทานผักและผลไม้สดที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลักก็ได้

4. กินขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ ถ้าคุณกินแค่มื้อใหญ่วันละ 3 มื้อ ระหว่างมื้อที่คุณไม่ได้กินอะไรเลย เมตาบอลิซึ่มของคุณจะลดลง การกินบ่อย ๆ อย่างน้อยทุก ๆ 3 ชั่วโมง จะทำให้เมตาบอลิซึ่มทำงานตลอดเวลา แต่ก็ต้องเลือกกินบ้างนะ เป็นพวกผัก ผลไม้ หรือขนมอบชิ้นเล็ก ๆ ก็พอ...อย่าจัดเต็ม

5. เครื่องดื่มชูกำลัง ส่วนผสมบางอย่างในเครื่องดื่มชูกำลังช่วยกระตุ้นกระบวนการเมตาบอลิซึ่ม โดยกาเฟอีนจะทำให้ร่างกายใช้พลังงานมากขึ้น ส่วนทัวรีน ซึ่งเป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่ง จะเร่งกระบวนการเมตาบอลิซึ่มให้เร็วขึ้น แต่ระวังนิดนึง เครื่องดื่มพวกนี้อาจทำให้เกิดอาการความดันโลหิตสูง หรือนอนไม่หลับได้นะ

6. เลือกกินอาหารเผ็ด ๆ เป็นคนไทยแสนจะโชคดี มีอาหารรสจัดที่ใส่ทั้งพริกขี้หนูและพริกไทย ซึ่งรสชาติเผ็ดร้อนของพริกพวกนี้เป็นตัวกระตุ้นเมตาบอลิซึ่มชั้นยอดทีเดียว อ้อ! แต่อย่ากินเพลินนะ เพราะรสชาติเผ็ด ๆ นี่ก็อาจทำให้คุณเจริญอาหารไม่น้อย

7. อย่าลืมกินอาหารเช้า คนที่กินอาหารเช้าที่มีประโยชน์ จะหุ่นดีกว่าคนที่อดข้าวเช้า เพราะอาหารเช้านั้นจะทำให้ระดับเมตาบอลิซึ่มของคุณพุ่งเป็น 2 เท่า แล้วยังช่วยทำให้สมอง ปลอดโปร่ง สามารถเริ่มทำงานได้อย่างเต็มที่ด้วย

8. กาแฟดำสักแก้ว ถ้าคุณเป็นคนที่ดื่มกาแฟเป็นปกติอยู่แล้ว ลองงดเติมนมเติมน้ำตาลดู กาแฟดำสักแก้วตอนเช้า ๆ นอกจากจะปลุกให้คุณตื่นเต็มตนแล้ว ยังปลุกเมตาบอลิซึ่มขึ้นมาทำงานด้วย

9. ดื่มชาเขียวระหว่างวัน การดื่มชาเขียวหรือชาอู่หลง 2-4 แก้ว จะช่วยกระตุ้นเมตาบอลิซึ่มให้เผาผลาญพลังงานได้มากกว่าการออกกำลังกายเบา ๆ ถึง 17% เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมง แต่อย่าเติมน้ำตาลลงไปในชานะ

10. อย่าเครียด ข้อนี้สำคัญมาก ๆ ภาวะเครียดนอกจากจะทำร้ายจิตใจของคุณแล้วยังทำให้คุณอ้วนขึ้นด้วยนะ เพราะเวลาที่คุณรู้สึกเครียดร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้อัตราเมตาบอลิ ซึ่มช้าลงออกมา สาว ๆ ที่ไม่อยากอ้วนก็อย่าเครียด!

9 วิธีลดหน้าท้องได้เร็วทันใจ


9 วิธีลดหน้าท้องได้เร็วทันใจ

เวลาพูดถึงการลดหน้าท้อง หลายๆ คนอาจจะนึกว่ามีแค่การลดไขมันหน้าท้อง หรือการควบคุมน้ำหนักเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วสิ่งที่ทำให้เราดูมีหน้าท้องอ้วนอืดนั้นมีอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญคือ “แก๊สในทางเดินอาหาร” ค่ะ

แก๊สในทางเดิน อาหารนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น อาการท้องผูก อาหารเป็นพิษ พฤติกรรมการกินที่เร่งรีบ และผลที่ตามมาก็จะเป็นพุงกลมๆ (ที่ยังไม่นับไขมัน) ซึ่งหากเรากำจัดเจ้าพุงลมนี้ไปได้ เผลอๆ หน้าท้องของคุณจะลดลงไปเป็นนิ้วทั้งที่ยังไม่ต้องเริ่มลดน้ำหนักเลยด้วยซ้ำ ส่วนวิธีการจะมีอย่างไรบ้างนั้น ตามอ่านได้ด้านล่างเลยค่ะ

ทานอาหารที่มีเส้นใย

คนที่มีการขับถ่ายไม่ค่อยดี หรือมีอาการท้องผูกลองสังเกตดูว่าพุงจะโตกว่าเวลาปกติ สาเหตุก็เนื่องมาจากมีแก๊สอยู่ในทางเดินอาหารอยู่เยอะ รวมถึงมีอะไรคั่งค้างอยู่ในลำไส้ทำให้ท้องอืดบวม ทานอะไรเข้าไปใหม่ก็ย่อยได้ไม่เต็มที่

วิธีแก้ก็ง่ายๆ ค่ะพยายามทานผักผลไม้เพื่อช่วยในการขับถ่าย ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6 – 8 แก้ว และหัดถ่ายตอนเช้าให้เป็นนิสัย เพราะช่วงเวลานั้นลำไส้ใหญ่จะบีบตัวได้ดี ทำให้คุณขับถ่ายได้ง่ายขึ้นค่ะ

ระวังอาหารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ หรือการแพ้น้ำตาลแลคโตส

เวลาที่เราเกิดอาการอาหารเป็นพิษ แก๊สในทางเดินอาหารจะเยอะทำให้ท้องอืดบวม จุดนี้ส่วนมากถ้าพักผ่อนและปรับนิสัยการกินก็จะหายไปได้เอง ส่วนใครที่ไม่แน่ใจว่าตัวเองแพ้อะไรบ้าง หรือเป็นหนัก ก็ควรไปปรึกษาคุณหมอค่ะ อย่าวินิจฉัยด้วยตัวเองว่าเราน่าจะแพ้อะไรบ้าง

การแพ้อาหารอีกอย่างที่มักจะไม่รุนแรงนักคือการแพ้น้ำตาลแลคโตสในนม ซึ่งเป็นภาวะที่ร่างกายไม่สามารถย่อยน้ำตาลแลคโตสในนมได้ ทำให้จุลินทรีย์ในลำไส้เข้ามาย่อยสลายจนเกิดเป็นกรดและแก๊ส (ซึ่งทำใหเกิดพุงลมในเวลาต่อมา) แต่การแพ้นี้ก็ไม่ถึงกับเป็นอันตรายต่อร่างกายนะคะ จริงๆ แล้วคนไทยนั้นแพ้แลคโตสกันเกือบๆ 90% เลยทีเดียว ทำให้หลังทานนมเราอาจเกิดอาการท้องอืดหรือเรอขึ้นมา

อย่างไรก็ตาม คุณไม่จำเป็นต้องเลิกทานนมไปเลย (ไม่แนะนำด้วย) เพียงแต่ให้ดื่มทีละน้อยๆ และดื่มในขณะที่ท้องไม่ว่าง หรือจะเลือกทานผลิตภัณฑ์ที่ผ่านกระบวนการหมัก เช่น โยเกิร์ต ก็จะช่วยลดการเกิดแก๊สได้ค่ะ
 

ทานอาหารให้ช้าลง

เคี้ยวอาหารให้ละเอียด ทานอย่างช้าๆ จะช่วยลดการเกิดลมในกระเพาะได้ และจะช่วยให้กระเพาะอาหารสามารถย่อยอาหารให้ดีขึ้นด้วย นอกจากนั้นการทานอาหารทีละช้าๆ จะช่วยให้เราทานได้น้อยลงด้วย เพราะกระเพาะอาหารจะต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะรู้สึกอิ่ม ถ้าเรารีบทานไปตอนที่ยังหิวๆ บางครั้งเราก็อาจเผลอทานอาหารมากกว่าปริมาณที่เราต้องการจริงๆ ไปก็ได้ค่ะ

ลดละ(หรือเลิก)น้ำอัดลม

ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นน้ำที่มีการอัดแก๊สเข้าไป จึงเป็นที่แน่นอนว่าทานเข้าไปแล้วคุณต้องได้ลมเพิ่มในทางเดินอาหารแน่นอน นอกจากนั้นน้ำอัดลมยังมีน้ำตาลในปริมาณสูงมากกกก ประมาณ 2 เท่าของปริมาณที่แนะนำต่อวัน ดังนั้นถ้าเราลดน้ำลมลงได้ นอกจากลดพุงลมแล้วก็ยังลดน้ำหนักได้จริงๆ อีกด้วยล่ะค่ะ

  อย่าเคี้ยวหมากฝรั่งเยอะเกินไป

บางคนอาจชอบเคี้ยวหมากฝรั่งไว้ทดแทนความอยากทานขนม หรือช่วยเรื่องโรคกรดไหลย้อน เพียงแต่ถ้าคุณเคี้ยวมากเกินไปมันก็จะก่อให้เกิดลมในทางเดินอาหารได้ (ซึ่งมักเกี่ยวพันกับอาการอาหารไม่ย่อย) ดังนั้นใครที่เคี้ยวตลอดเวลาก็ควรหยุดพักบ้าง แล้วเปลี่ยนมาทานของคบเคี้ยวไขมัน + น้ำตาลต่ำ หรือของว่างจำพวกผลไม้แทน

ระวังอาหารประเภท “Sugar Free”

ฉลากอาหารประเภท Sugar Free ส่วนมากจะหมายถึงการ “ปราศจากซูโครส” แต่ยังมีน้ำตาลแบบอื่นๆ อยู่ด้วย โดยเฉพาะน้ำตาลแอลกอฮอลล์ ที่อาจจะดูเหมือนไม่ทำให้คุณอ้วน แต่ความจริงแล้วถ้าคุณทานมากๆ ก็มีส่วนก่อให้เกิดพุงลมได้เช่นกันค่ะ นอกจากนั้น หากทานมากเกินกว่าปริมาณที่แนะนำต่อวัน ยังอาจก่อให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ ได้ด้วย

การทานผลิตภัณฑ์ Sugar Free หรือการใช้สารทดแทนความหวานแทนน้ำตาล ควรจำกัดอยู่แค่อาหารประเภทเครื่องดื่มเท่านั้น และไม่ควรทานเกิน 2-3 แก้วต่อวัน

ทานเกลือให้น้อยลง

อาหารรสเค็ม โดยเฉพาะอาหารที่ทำจากเกลือส่งเสริมให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหารได้ง่าย และมีส่วนทำให้เกิดสิวด้วย จำกัดปริมาณไว้ที่ไม่เกิน 1,500 – 2,300 mg ต่อวันจะดีต่อหน้าท้อง และไตของเราอีกด้วยค่ะ

ทานอาหารให้บ่อยมื้อขึ้น แต่ลดปริมาณ

ข้อนี้นอกจากลดแก๊ส และยังช่วยลดน้ำหนักด้วย หั่นอาหารมื้อใหญ่ๆ 3 มื้อให้เป็นมื้อย่อยประมาณ 5 – 6 มื้อ (ดูปริมาณแคลอรีต่อมื้อให้ดีด้วย) ระวังอาหารจำพวกไขมันทรานส์อย่าให้มีมากเกินไป เชื่อได้ว่าหน้าท้องคุณต้องยุบแน่ๆ ค่ะ

ทานอาหารที่ช่วยลดการเกิดแก๊ส

เคยมีการศึกษาพบว่า ชาเปปเปอร์มินท์ ขิงหรือน้ำขิง โยเกิร์ต และสับปะรด มีแบคทีเรียที่ดีบางชนิดอยู่ซึ่งจะช่วยลดอาการพุงป่องลงได้ แนะนำให้ลองทานอาหารเหล่านี้หลังมื้ออาหาร หรือทานเป็นของว่างดูนะคะ

วันศุกร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2556

คอลลาเจน เพื่อ ผิวสวย




คอลลาเจน เพื่อ ผิวสวย
คอลลาเจน ( Collagen ) เป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง ซึ่งอยู่ใต้ชั้นผิวหนัง มีส่วนสำคัญทำให้ผิวพรรณมีสุขภาพดี ผิวหนังของคนเรา ปกติแล้วแบ่งเป็น 3 ชั้น คือ
1. ชั้นหนังกำพร้า ( Epidermis ) เป็นผิวชั้นนอกสุด ประกอบด้วยเซลผิวหนัง ( Keratinocyte ) ซึ่งเป็นเซลที่มีหน้าที่สร้างสารเคอราติน ( Keratin )  ปกคลุมผิวหน้าของผิวหนังเป็นชั้นขี้ไคล  ชั้นหนังกำพร้านี้ทำหน้าที่รักษาความชุ่มชื้นให้กับพื้นผิว ป้องกันเชื้อโรคต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกาย รักษาอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่
2.  ชั้นหนังแท้ ( Dermis ) เป็นผิวชั้นใน ประกอบด้วยส่วนที่เป็นเส้นใยประสานกันไปมาคือ โปรตีนเส้นใยของคอลลาเจน ( Collagen fibers ), โปรตีนเส้นใยอีลาสติก ( Elastic fibers )  และโปรตีนเส้นใยร่างแห  ( Recticulum fibers ) นอกจากนี้ยังมีกล้ามเนื้อ เส้นเลือด เส้นประสาทต่าง ๆ ที่รับความรู้สึกอยู่ด้วย
3. ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ( Subcutis ) ทำหน้าที่รองรับผิวหนังให้คงรูปร่าง  ช่วยลดการกระทบกระแทก และเป็นแหล่งพลังงานของร่างกายยามขาดแคลนพลังงาน
ผิวหนังจะมีการเสื่อมสภาพได้ ด้วยสาเหตุหลัก ๆ 2 ประการคือ  การเสื่อมตามวัย และ เสื่อมเนื่องจากผลกระทบจากสภาวะแวดล้อม แต่ไม่ว่าจะสาเหตุใดก็ตามย่อมมีผลกระทบต่อผิวพรรณ มีริ้วรอย หมองคล้ำ ไม่เต่งตึง  ทั้งนี้ก็เพราะ คอลลาเจน ( Collagen )  ซึ่งโปรตีนชนิดหนึ่งที่ประสานกันเป็นเส้นใยอยู่ใต้ชั้นผิวหนังแท้ มีการเสื่อมลง 
คอลลาเจน ( Collagen ) มีรากศัพท์มาจากภาษากรีก คือ  คอลลา Kolla  ซึ่งแปลว่ากาว  คอลลาเจนเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่ประสานกันเป็นเส้นใยอยู่ใต้ชั้นผิวหนังแท้  ทำหน้าที่ เสริมความเรียบตึงให้แก่ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังดูเรียบ เนียนและ ทำงานคู่กับโปรตีนอีกชนิดหนึ่งที่ชื่อ อีลาสติน ( Elastin ) ในขณะที่คอลลาเจนมีหน้าที่เสมือนโครงร่างผิว  อีลาสตินก็ทำหน้าที่ให้ความยืดหยุ่นแก่ผิว
ในวัยเด็ก คอลลาเจนยังไม่เสื่อมสลายและมีจำนวนมาก จึงทำให้เห็นว่าเด็ก ๆ หรือวัยรุ่นที่กำลังแตกเนื้อหนุ่มสาวมีผิวหนังที่เต่งตึง แต่เมื่อมีวัยมากขึ้น เส้นใยคอลลาเจนเหล่านี้จะเสื่อมสลายและมีปริมาณลดลง ทำให้ชั้นผิวหนังยุบตัวลง อันเป็นต้นเหตุของความเหี่ยวย่นและริ้วรอย
อย่างไรก็ตาม เราสามารถเสริมสร้างคอลลาเจนให้แก่ร่างกายได้เพื่อลดรอยเหี่ยวย่น ด้วยการ รับประทานคอลลาเจน หรือ วิธีการฉีดคอลลาเจนเข้าใต้ชั้นผิวหนังแท้ แต่วิธีการฉีดนั้นค่อนข้างจะยุ่งยาก เพราะต้องใช้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ดังนั้นวิธีการรับประทานจึงเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด
วิธีการรับประทานจึงเป็นวิธีการที่สะดวกกว่า เพราะจะช่วยให้ได้รับจากการบริโภคคอลลาเจนอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอทุก ๆ วัน เพียงพอต่อผิวหนังที่ต้องการสารนี้นำไปช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจน ใต้ผิวหนัง ลดริ้วรอยเหี่ยวย่นของผิวหนังอย่างได้ผล และทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น นุ่มเนียนขึ้น
ปัจจุบัน นี้มีการนำสารสกัดโปรตีนจากปลา ที่ให้มีโครงสร้างโมเลกุลคล้ายกับโครงสร้างของคอลลาเจนของผิวคนมากที่สุด เมื่อดื่มเข้าไปแล้วจึงจะสามารถช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนภายในผิวคุณไปช่วยให้ ริ้วรอยต่าง ๆ จางหาย

คอลลาเจนเสริมที่ดีควรเป็นอย่างไร
คอลลาเจน เป็ปไทด์คอลลาเจน เป๊ปไทด์จัดอยู่ในหมู่อาหาร โดยได้รับการจัดเป็น อาหารหมวด Generally Regarded as Safe(GRAS) หรือ อาหารที่สามารถบริโภคได้อย่างปลอดภัย  โดยคณะกรรมการอาหารและยา  ของประเทศสหรัฐอเมริกา (FDA)
นอกจากนี้แพทย์ยังอาจจะแนะนำให้รับประทาน  คอลลาเจน เป็ปไทด์  เป็นอาหารเสริมอีกด้วย
อลลาเจนที่วางจำหน่ายมีหลายรูปแบบ แต่คอลลาเจนที่นำมาสกัดในรูปเป็นเกล็ดผงเล็ก ๆ จะสามารถละลายในน้ำได้ดี และยังนำไปผสมกับเครื่องดื่มอื่น ๆ ได้ง่าย และช่วยให้มีรสชาติดีขึ้น ดื่มได้ง่าย โดยคอลลาเจนผงลักษณะนี้จะมีผงละเอียดที่มีขนาดน้ำหนักโมเลกุลที่เล็กมาก จึงย่อยและดูดซึมเข้าร่างกายได้ง่าย
ถ้าจะให้ดีควรเป็นคอลลาเจนบริสุทธิ์ 100% ไม่ควรเติมสารกันบูด ปราศจากไขมัน เพื่อความปลอดภัย

เอกสารอ้างอิง
1.   ผิวหนัง  อวัยวะมหัศจรรย์, นายแพทย์จิโรจ   สินธวานนท์, สถาบันโรคผิวหนัง  กรมการแพทย์
2.   ผิวหนัง : การดูแลผิวพรรณให้อ่อนเยาว์ ตอนที่ 1 , พญ. สุภาณี  ศุกร์ฤกษ์, บทความสุขภาพของโรงพยาบาลพระราม 9
3.   Collagen, Glossary word
4.   Collagen-like peptide exhibits a remarkable antiwrinkle effect on the skin when topically applied: in vivo study., Bauza E, Oberto G, Berghi A, Dal CF, Domloge N. , Vincience Research Center, Sophia Antipolis, France., 2004;26(3-4):105-11.

วันพฤหัสบดีที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2556

ลดหน้าท้อง ด้วยเครื่องดื่ม


เครื่องดื่มอยู่ใกล้ตัวเรา สามารถช่วยลดหน้าท้องได้เป็นอย่างดี

ถ้าอยาก  “ลดหน้าท้อง”  ควรดื่มอะไร  มาดูกันค่ะ

สมูธตี้แตงโม  เป็นเครื่องดื่มที่จะช่วยให้ความชุ่มชื้น  และมีแคลอรี่ต่ำเพียง  56  แคลอรี่ต่อแก้ว  ซึ่งจะมีน้ำเป็นส่วนประกอบอยู่เยอะมาก  มีสารอาหารมากมายรวมถึง ไลโคปีนที่ช่วยต้านมะเร็ง มีกรดอะมิโนที่ชื่อว่า  อาร์จินีน   ที่ช่วยสร้างมวลกล้ามเนื้อเรียว   จึงช่วยให้หน้าท้องของคุณลดลงค่ะ ควรบอกผู้ขายด้วย ว่าไม่ใส่น้ำตาล เพื่อจะได้รสผลไม้แท้ๆ





ชามินต์ใส่น้ำแข็ง   มินต์จะช่วยระบบย่อยอาหารของเราให้ย่อยสลายไขมัน   แม้แต่อาหารไขมันสูงก็จะถูกย่อยได้อย่างรวดเร็ว   และเป็นการลดอาการท้องอืดอย่างดีอีกด้วย













เฟลปเป้สับปะรด   ในสับปะรดมีสารที่เรียกว่า   โบรมีเลน  เป็นเอนไซม์ช่วยย่อยโปรตีน   ทำให้การย่อยอาหารง่ายขึ้น    และ ยังป้องกันเลือดออกตามไรฟัน ลดอาหารอักเสบบวมต่างๆ ที่เกิดจากการบาดเจ็บขณะเล่นกีฬา ที่สำคัญยังช่วยขับปัสสาวะได้อย่างดีเยี่ยม แต่ข้อควรระวังคือ ให้ใช้ผลสุกเท่านั้น เพราะผลดิบมีเอนไซม์ บรอมมิเลนสูง หากบริโภคมากจะเป็นยาถ่ายรุนแรง







ชาเขียว   ในชาเขียวมีสารต้านอนุมูลอิสระสุดยอด  ที่เรียกว่า  คาเทชิน   ซึ่งช่วยลดไขมันบริเวณหน้าท้อง   และถ้าจิบชาเขียวร้อนก่อนออกกำลังกาย  ก็จะช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญในระหว่างการออกกำลังกายด้วย ไม่ควรดื่มชาเขียวเย็นใส่น้ำตาล ซึ่ง แทนที่จะให้คุณ กลับกลายเป็นให้โทษอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะการดื่มชาเขียวเย็น เค้าบอกว่าก่อให้เกิดการเกาะตัวแน่นของสารพิษ ซึ่งเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งและโรคหัวใจอีกด้วย









ดาร์กช็อกโกแลต ช่วยให้คุณผอมได้โดยการลดความอยากอาหารอื่นๆ   และด้วยความที่แก้วหนึ่งมีแคลอรี่ถึง  400  แคลอรี่   ทำให้ช็อกโกแลตเชคถือเป็นมื้ออาหารมากกว่าที่จะเป็นของว่าง   จึงเหมาะที่จะเป็นอาหารเช้าได้ดีทีเดียวค่ะ















น้ำเปล่าควรดื่มมากๆ   จะช่วยรักษาสมดุลของของเหลวในร่างกาย   และช่วยลดอาการบวมน้ำได้    พยายามดื่มน้ำให้พอเหมาะกับร่างกายในแต่ละวัน ไม่มากจนเกินไป คือ 12 แก้วต่อหนึ่งวันสำหรับผู้ชาย และ 9 แก้วต่อหนึ่งวันสำหรับผู้หญิง

ออกกำลังกาย ลดสะโพก ก้น ต้นขา

ออกกำลังกาย ลดสะโพก ก้น ต้นขา 



ท่างอเข่ายกตัว
นอนหงายวางแขนทั้งสองไว้ข้างลำตัว วางแขนสบายๆ งอเข่าทั้งสองข้างให้ตั้งขึ้นและเท้าทั้งสองวางบนพื้น และยกก้นขึ้นจากพื้นอย่างช้าๆ ดันหลังตั้งแต่ส่วนล่างส่วนกลางไปจนถึงส่วนบนและยกขึ้นจนไหล่ทั้งสองข้าง นิ่งอยู่  และยกสะโพกขึ้นลง ให้ทำช้าๆ ประมาณ 20 ครั้ง ทำ 3 เซต ทั้งหมด 60 ครั้ง ท่านี้จะช่วยลดหน้าท้อง สะโพกและต้นขา

นอนหงายวางไว้ข้างลำตัว
ยกหลังกับสะโพกขึ้น
ยกหลังกับสะโพกขึ้นลงๆ

อาหารเพื่อผิวอ่อนเยาว์

อาหารเพื่อผิวอ่อนเยาว์


1.หยุดผมร่วง รับประทานกล้วย ซึ่ง อุดมไปด้วยวิตามินบี มีสรรพคุณป้องกันผมร่วงได้ดี การรับประทาน กล้วยเข้าไปในปริมาณที่เพียงพอ จะช่วยรักษาเส้นผมให้อยู่คู่กับหนังศีรษะได้นานวัน

2.ลดผิวมัน รับประทานธัญญาหารทุกเช้า ซึ่งอุดมด้วยวิตามินบี 2 ที่ช่วยหยุดยั้งการผลิตน้ำมันส่วนเกิน ของต่อมผลิตภายในร่างกายที่เป็นสาเหตุหนึ่งของเส้นผมบางและมัน

3.หยุดการลอกของผิวหนัง รับประทานปลาแซลมอนใส่เกลือรมควัน อาหารทะเล หรือสลัดผักสดก็ได้

4.ผิวเนียนใสเหมือนเด็ก มะม่วงมีเบต้าแคโรทีนที่ช่วยทำให้ผิวมีสุขภาพดี โดยช่วยกระตุ้นการสร้าง ผิวหนัง รวมทั้งหนังศีรษะเพื่อทดแทนของเดิมที่หยาบแห้งและขรุขระ ให้กลับมีความชุ่มชื่นและนุ่มเนียน

5.ชะลอผมหงอก รับ ประทานถั่วลิสงอบเนยรวมกับเกล็ดขนมปังที่อบมาร้อน ๆ ก่อนมื้ออาหาร ถั่วลิสงมี วิตามินบีที่สามารถหยุดการเปลี่ยนสีผมให้เป็นสีดอกเลาได้ และยังทำให้ผิวหนังดูดีขึ้นอีกด้วย

6.ดูหนุ่มสาวขึ้นอีก 5 ปี รับประทานฝรั่งหรือน้ำฝรั่งซึ่งอุดมด้วยวิตามินซีเพราะจะช่วยเก็บรักษาคอลลาเจนที่เป็นบ่อเกิดแห่งโปรตีนภายใต้ผิวหนัง หรือรับประทานมะละกอ ส้ม ลูกเกดสีดำอบแห้งร่วมกับผลไม้ประจำวันก็จะช่วยเพิ่มวิตามินซีเช่นกัน

7.ปกป้องใบหน้าจากมลพิษ วิตามินบีในอะโวคาโดช่วยทำให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัยและร่างกายเกิดความ ต้านทานจากการทำลายในรูปแบบต่างๆ ทั้งนี้รวมถึงการถูกทำลายจากบรรยากาศที่มลภาวะเป็นพิษ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก อสมท.

วันอังคารที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2556

วิธีลดต้นขา บริหารง่ายๆ บนที่นอน




วิธีออกกำลังกายเพื่อกระชับสัดส่วน และเน้นการ ลดต้นขา  
ควรจะทำให้ถูกวิธี เพื่อที่จะได้ขาที่เรียวงาม ไม่กลายเป็นกล้ามขา เน้นการลดไขมันหรือเซลล์ลูไลท์   
วิธีการ ลดต้นขา ก็ง่ายๆ แค่  5 ขั้นตอน
นอนหงายกับพื้น ถ้านอนไม่สบายหรือเจ็บหลังให้หาหมอนบางรองก้นไว้กันเจ็บ
แล้วยกขาขึ้นทั้งสองข้าง พยายามให้ขาเหยียดตรง นิ่งค้างไว้ 2 นาที แล้วค่อยๆ แยกขาออกจากกัน แยกขา ขาชิด สลับกันช้าๆ 20 รอบ แล้วลองปั่นจักรยานกลางอากาศ 100 รอบ 

แล้วเปลี่ยนท่าลุงขึ้นมานั่งเหยียดขาไปตรงๆ แล้วตีขาไปมาพื้น 100 ถ้าทำแบบนี้ได้ทุกวัน รับรอง ลดต้นขาได้แน่นอน ขาเรียวสวยอยู่ใกล้ๆ แล้วล่ะ 

วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2556

5 วิธีลดน้ำหนักด้วยตัวเอง แบบง่ายๆ




วิธีลดน้ำหนักด้วยตัวเอง แบบง่ายๆ
ถ้ากำลังหาวิธีลดน้ำหนักด้วยตัวเองแบบง่ายๆ วันนี้เราขอเสนอวิธีลดน้ำหนักแบบง่ายๆ ซึ่งสามารถทำได้ด้วยตัวเอง หลักการของการลดความอ้วน คือ ต้องออกกำลังกายเพื่อเผาพลาญพลังงาน และ การเลือกทานอาหาร
ขอแนะนำ วิธีลดความอ้วน แบบได้ผลจริง ซึ่งเป็นวิธีที่เรียกว่า แบบธรรมชาติบำบัด คือ ปรับธรรมชาติของตัวเราเอง
ข้อแรก ไม่ทานข้าวเป็นมื้อเย็น เน้นทานผักและผลไม้ไม่หวาน ทานได้ไม่จำกัดเท่าที่สามารถทานได้เลยค่ะ ผลไม้ที่ทานก็จะเป็น ฝรั่ง แตงโม มะละกอสุก ถ้าสามารถทำได้ ควรงดทานอาหารทุกชนิดยกเว้นน้ำเปล่า หลัง หกโมงเย็น และควรหลีกเสี่ยง อาหารพวกแป้งทุกชนิด ของทอด ไขมันทุกชนิด
ข้อสอง เลือกวัน Detox 1 วัน/สัปดาห์ ดีท๊อกซ์แบบ อด คือ ทานแค่ผลไม้และธัญพืชเท่านั้น ผลไม้สามารถทานได้ทุกอย่างที่ไม่หวาน และงดเนื้อสัตว์ ไขมัน ข้าว ไม่ควรทานผลไม้ที่ให้พลังงานสูง เช่น ทุเรียน ลำไย
ข้อสาม การทานอาหารเคี้ยวอาหารช้า ๆ การที่เราทานอาหารเร็วทำให้เราทานอาหารมากเกินความจำเป็น เพราะสมองต้องรอสัญญาณจากกระเพาะอาหาร ต้องใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที ถ้าเราทานเร็วเกินไป กว่าสมองจะสั่งให้อิ่ม เราก็ได้รับอาหารมากเกินไป ทำให้เราอิ่มเกินความจำเป็น และควรทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
ข้อสี่ ควรดื่มน้ำผลไม้ก่อนทานอาหารทุกครั้ง หรือ จะเป็นผลไม้สดก็ได้ เช่น น้ำส้ม เพราะวิตามินที่มีอยู่ในน้ำส้มจะช่วยดูดซึมสารอาหารที่สำคัญ น้ำองุ่น ในองุ่นนั้นมีแร่ธาตุเสริมให้เนื้อเยื่อแข็งแกร่งและสดใส การดื่มน้ำผลไม้หรือผลไม้ก่อนการทานอาหารจะทำให้เราอิ่มอาหารเร็วขึ้น ไม่ต้องทานอาหารเยอะเกินความจำเป็นของร่างกาย
ข้อห้า  เคลื่อนไหวร่างกายให้มากขึ้นหรือหาเวลาออกำลังกาย ทำให้ร่างกายได้เคลื่อนไหวจนได้เหงื่อ ช่วงเริ่มต้นวันละประมาณครึ่งชั่วโมง อาทิตย์ละ 2-3 วัน แล้วเมื่อร่างกายปรับตัวได้เริ่มการออกกำลังกายให้เป็นประจำทุกวัน วันละ 1 ชั่วโมง จะช่วยเผาผลาญไขมันและเพิ่มกล้ามเนื้อได้ดี แถมได้สุขภาพแข็งแรง  การออกกำลังกายเป็นสูตรสำเร็จที่ทำให้การลดความอ้วน เป็นจริงได้ดีที่สุด

เคล็ดลับ วิธีลดความอ้วน แบบง่าย ๆ แบบนี้ คุณสาว ๆ สามารถปฏิบัติได้เป็นประจำ และปฏิบัติอย่างจริงจัง สามารถตัดปัญหาเรื่องของความอ้วนไปได้เลยค่ะ

วันศุกร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2556

การลดน้ำหนักโดยการอดอาหารส่งผลเสียต่อร่างกาย


การลดน้ำหนักที่ถูกวิธี มีหลักการง่ายๆ
การอดอาหารจะทำให้กล้ามเนื้อส่วนที่เป็นเนื้อแข็งๆหายไป
ส่วนไขมันซึ่งเป็นเนื้อเหลวจะไม่หายไปไหนเลย
เพราะไขมันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสมอง และจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ร่างกายนำไปใช้
เพราะฉะนั้น
การอดอาหาร = กล้ามเนื้อหายไป = อัตราการเผาผลาญพลังงานลดน้อยลง

ดังนั้นวิธีการลดไขมัน คือ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

เช่นตอนนี้ ว่ายน้ำ หรือ วิ่งอยู่ แรก ๆ ก็ลดแป้งตามที่เคยได้ยินมา
แต่มีผู้รู้ห้ามเอาไว้ เพราะคนที่ออกกำลังกายแล้วลดคาร์โบไฮเดรต จะเอากำลังที่ไหนมาออกกำลัง
ที่ถูกต้องที่สุด คือ ทานแป้งในปริมาณที่พอเหมาะ กับการใช้พลังงาน
สิ่งที่ควรทานให้น้อยที่สุด คือ ไขมันทุกชนิด

อาหารที่กินได้ทุกวันและมีคุณค่าสารอาหารสูง เหมาะกับผู้ที่ต้องการจะควบคุมน้ำหนักมากที่สุด คือ ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ปลา เต้าหู้ ธัญพืช ผักสด ผักลวกจิ้มน้ำพริก ผลไม้ที่ไม่หวาน มะละกอ ฝรั่ง ส้ม แอปเปิ้ล น้ำเปล่า นมถั่วเหลืองไม่หวาน นมไขมันต่ำ 

ใน capsiplex มีสารอาหารจากพริก ช่วยทำให้เราเหมือนออกกำลังกาย 
ใช้วิธีการลดน้ำหนักด้านบน และทาน capsiplex ช่วย จะทำให้เรา หุ่นดี ร่างกายแข็งแรงได้