วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

Coconut Diet กินไขมันกันอ้วน

Coconut Diet กินไขมันกันอ้วน
  การลดความอ้วน ด้วยวิธีควบคุมอาหารจะมีมากมาย แต่การกินน้ำมันมะพร้าวเพื่อลดน้ำหนัก คือกินไขมันเพื่อลดไขมัน ซึ่งเป็นวิธีการแบบหนามยอกต้องเอาหนามบ่งนี้ พบว่าจะทำให้น้ำหนักลดลงได้ 4-5 กิโลกรัม ภายใน 1 เดือน
น้ำมันมะพร้าวลดอ้วน
   น้ำมันมะพร้าวจัดเป็นน้ำมันพืชชนิดแรกๆ ที่เรารู้จักและนำมาใช้ปรุงอาหารหรือบำรุงความงาม เช่น ทาผิว หมักผม เป็นต้น แต่ภายหลังนิยมบริโภคน้อยลง เพราะมีกรดไขมันอิ่มตัวสูงทำให้อ้วนและเกิดไขมันสะสม ส่วนน้ำมันมะพร้าวที่กินเพื่อลดความอ้วนในปัจจุบันไม่เหมือนกับน้ำมัน มะพร้าวแบบเดิมที่สกัดโดยใช้ความร้อน แต่เป็นน้ำมันมะพร้าวที่เรียกว่า Virgin coconut oil ซึ่งผ่านกระบวนการหีบเย็น คือ ใช้วิธีการปั่น บีบน้ำมันออกมาโดยตรง หรือการแยกหมักด้วยแบคทีเรียเพื่อแยกน้ำมัน และด้วยกรรมวิธีที่แตกต่างนี้เองที่ทำให้สรรพคุณของน้ำมันมะพร้าวสองชนิดแตก ต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยชนิดใหม่จะช่วยลดความอ้วนและไม่ตกค้างในร่างกาย
   น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์มีองค์ประกอบของกรดไขมันที่มีประโยชน์อยู่มาก โดยเฉพาะกรดไขมันความยาวขนาดกลาง (มีเดียมเชน ไตรกลีเซอไรด์) ซึ่งเมื่อกินเข้าไปจะมีปฏิกิริยาคล้ายน้ำตาล คือ จะถูกส่งผ่านกระแสเลือดโดยตรง จึงเข้าสู่เซลล์และสลายตัวได้เร็ว แตกต่างจากน้ำมันพืชชนิดอื่น นอกจากนี้ยังพบสารไมโตรนิวเตรียนบางตัวที่อยู่ในมะพร้าว เช่น กลุ่มฮอร์โมนพืช ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพและช่วยให้ผิวเปล่งปลั่ง
ทฤษฎีลดน้ำหนัก
   การกินน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์เพื่อลดความอ้วนเป็นแนวคิดของแอ็ตกินไดเอ็ต (Atkins Diet) ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในดาราฮอลลีวู้ด เช่น เจนนิเฟอร์ อนิสตัน โดยมีหลักการว่า ต้องลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่กระตุ้นให้ร่างกายหลั่งอินซูลิน ซึ่งส่งผลต่อการสะสมไขมันของร่างกาย หากงดกินแป้งและกินแต่ไขมัน ไขมันจะกดความอยากอาหาร เมื่อกินไปสักระยะเราจึงกินน้อยลง
   น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์มีคุณสมบัติช่วยลดความอยากอาหารได้ดีกว่าไขมันชนิด อื่น ช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย กระตุ้นการทำงานของต่อมไทรอยด์ และสร้างความร้อนได้เร็วจึงไม่สะสมในร่างกาย ทฤษฎีแอ็ตกินแนะนำให้กินน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ควบคู่กับอาหารแบบโลว์คาร์บ คืออาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ โดยอาจนำมาผสมกับสมูตตี้ น้ำสลัด หรือซอส วันละ 2-3 ช้อนโต๊ะ
   ทั้งนี้ศาสตราจารย์ ดร. วินัย ดะลันห์ หัวหน้าศูนย์วิจัยวิทยานิพิดและไขมัน จุฬาฯ ให้ความเห็นเกี่ยวกับแนวคิดดังกล่าวว่า “สามารถทำได้จริงและเห็นผลดี แต่ควรอยู่ภายใต้การแนะนำของนักโภชนาการ หากกินติดต่อกันเป็นระยะเวลานานเกิน 2 เดือนขึ้นไป ควรกินแคลเซียมเสริมเนื่องจากการกินอาหารมันๆ จะมีผลต่อการดูดซึมแคลเซียมของร่างกาย”
โฆษณาชวนเชื่อ น้ำมันมะพร้าวลดอ้วน
   ในบ้านเรากระแสการกินน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์เพื่อลดความอ้วนเริ่มแพร่หลาย แต่ยังมีความเข้าใจผิดเรื่องวิธีใช้และสรรพคุณของน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ อยู่มาก ศาสตราจารย์ ดร. วินัย ดะลันห์ กล่าวว่า “มีการให้ข้อมูลผิดๆ ว่าน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์เป็นแหล่งของกรดไขมันพวกรอลิค (ซี12) สูง ซึ่งถ้าบริโภคในปริมาณมากและต่อเนื่องจะทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้ยังมีการอ้างสรรพคุณเกินจริง เช่น น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์มีสรรพคุณคล้ายกับสารที่มีอยู่ในน้ำนม ซึ่งจริงๆ แล้วน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์มีกรดไขมันพวกคาพริลิค (Caprylic) ที่สลายพลังงานได้เร็วและมีคุณสมบัติคล้ายคาร์โบไฮเดรต คือจะถูกย่อยสลายในลักษณะคล้ายน้ำตาล แต่ต่างกันตรงที่ไม่ต้องใช้อินซูลีน”
   “ส่วนข้อแนะนำการบริโภคที่ให้คลุกเคล้ากับอาหารมื้อละ 1 ช้อนโต๊ะนั้น หากปฏิบัติตามอาจช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แต่น้ำหนักจะไม่ลดลงหากกินไขมันพร้อมกับคาร์โบไฮเดรต และในทางกลับกันการกินแบบนี้จะยิ่งกระตุ้นให้ร่างกายสะสมไขมันมากขึ้น”

คอลัมน์ Beauty นิตยสาร Health & Cuisine  มกราคม 2552

วันพุธที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เทคนิคเก็บตกผิวเสีย หลังลดน้ำหนัก

เทคนิคเก็บตกผิวเสีย หลังลดน้ำหนัก
   ผิว หนังแบ่งออกเป็น 3 ชั้น คือ ชั้นหนังกำพร้า ชั้นหนังแท้ ซึ่งมีเส้นใยอีลาสติน คอลลาเจน ที่ช่วยเพิ่มความยืดหนุ่นและความกระชับให้แก่ผิว และชั้นสุดท้ายคือชั้นใต้ผิวหนังซึ่งมีไขมันเป็นส่วนประกอบอยู่ เมื่อมีน้ำหนักตัวมากขึ้น เซลล์ไขมันในชั้นใต้ผิวหนังจะยืดขยาย ทำให้เส้นใยอีลาสตินในชั้นหนังแท้ต้องขยายตาม และหากอ้วนนานเส้นใยอีลาสตินก็จะยืดตัวถาวร ส่วนคอลลาเจนจะเรียงตัวผิดปกติจากเดิมทำให้เกิดรอยแตกลาย ด้วยเหตุนี้หากคุณลดน้ำหนักมากๆ ในระยะเวลาอันสั้น คือ เกินกว่า 1 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ อาจทำให้เกิดผิวหย่อนคล้อยเพราะผิวที่เคยยืดขยายหดตัวอย่างรวดเร็ว
   หลังลดน้ำหนักผิวของคุณจะหย่อนคล้อยมากน้อยเพียงใดนั้นก็ขึ้นอยู่กับน้ำหนัก ตัวที่ลดลงและอายุด้วย ในกรณีที่คุณยังอายุน้อยและลดน้ำหนักตัวมาก ผิวของคุณอาจหย่อนคล้อย แต่จะน้อยกว่าและฟื้นฟูสภาพผิวได้เร็วกว่าคนที่อายุมาก เพราะอายุที่มากขึ้นเป็นตัวแปรของปริมาณเส้นใยอีลาสตินและคอลลาเจนของผิว หนังที่น้อยลงเรื่อยๆ
ผอมแบบไม่ทำร้ายผิว
   ปัจจุบันมีวิธีการลดความอ้วนที่นิยมทำและส่งผลเสียต่อผิว เช่น กินยาลดความอ้วน การอดอาหาร และการตบสลายไขมัน การอดอาหารทำให้ระบบร่างกายเสียสมดุล เพราะไปลดปริมาณน้ำตาลในเลือดลง ส่วนการตบสลายไขมันที่ใช้ครีมและความร้อนจะมีผลต่อปริมาณน้ำในผิว ทำให้ผิวแห้ง เหี่ยว และในความเป็นจริงไขมันอยู่ลึกมาก การตบสลายไขมันนั้นนอกจากจะไม่สามารถกำจัดไขมันได้แล้ว ยังส่งผลให้ผิวชั้นหนังแท้และหนังกำพร้าช้ำอีกด้วย
   การลดความอ้วนที่ไม่ส่งผลเสียต่อผิวนั้นน้ำหนักตัวจะต้องลดลงไม่เกิน 0.5-1 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ และลดน้ำหนักอย่างถูกวิธี คือ ลดน้ำหนักโดยการเผาผลาญไขมันในชั้นผิวหนัง ไม่ใช่การลดน้ำหรืออาหารซึ่งอย่างหลังจะกระทบต่อปริมาณน้ำตาลภายในเลือดด้วย
   วิธีการลดน้ำหนักที่ดีที่สุด คือ การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ งดแป้ง ไขมัน และออกกำลังกายร่วมด้วย โดยเฉพาะแอโรบิก วิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ เพราะการออกกำลังกายเหล่านี้ช่วยให้เผาผลาญไขมันใต้ผิวหนังทั่วร่างกาย ส่วนการออกกำลังกายเฉพาะส่วนนั้นจะไปช่วยเผาผลาญไขมันในกล้ามเนื้อ
วิธีแก้ “หย่อน ยาน ย้วย”
   การฟื้นฟูผิวให้กลับกระชับดังเดิมจะได้ผลแค่ไหนขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่คุณ ปล่อยให้ผิวเสียด้วย ตัวอย่างเช่น ผิวเปลือกส้มหรือเซลลูไลท์ที่เกิดจากการหดตัวอย่างรวดเร็วของผิวหนัง หากทิ้งไว้นานเกินไปก็อาจหมดสิทธิ์รักษา ถ้าเป็นระยะเริ่มต้น แก้ได้ง่ายๆ ด้วยการออกกำลังกายประเภทแอโรบิก เพื่อกระตุ้นการเผาผลาญไขมันใต้ผิวหนัง และเลือกรับประทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามินซี อี โคเอนไซม์คิวเทน และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจะช่วยบำรุงผิวให้แข็งแรง ดื่มน้ำมากๆ เพื่อให้ผิวหนังชุ่มชื้นมีความยืดหยุ่นดีขึ้น ช่วยให้ระบบการไหลเวียนเลือดดี และลดปัญหาเซลลูไลท์ได้
   หากผิวยากจะฟื้นฟูและทำแล้วไม่เห็นผลอาจต้องใช้เครื่องมือทางการแพทย์ที่ รักษาได้ลึกถึงชั้นไขมัน โดยใช้ความร้อนไปจัดการก้อนไขมันให้แตกตัว เช่น ทำเลเซอร์ การใช้คลื่นความถี่วิทยุแบบขั้วเดียว ส่วนการทำคาร์บ็อกซี่จะช่วยในเรื่องเซลลูไลต์ โดยคาร์บอนไดออกไซด์ที่เข้าไปใต้ผิวหนังจะจับตัวกับน้ำเกิดเป็นกรดคาร์บอนิ กที่ทำให้หลอดเลือดขยายตัว ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ลดเซลลูไลต์ แต่ต้องทำหลายครั้งจึงจะเห็นผล
   นอกจากการกินอาหารที่อุดมด้วยวิตามินบำรุงผิวแล้ว อาจจะหยิบจับผลไม้ใกล้มือ อย่าง ส้มเขียวหวานและองุ่น มาเพิ่มความกระชับให้ผิว ติดตามอ่านสูตรกระชับผิวด้วยผลไม้ได้ในเล่มค่ะ

คอลัมน์ Beauty นิตยสาร Health & Cuisine  กรกฎาคม 2552

วันอังคารที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

อาหารจานโปรดที่ทาน ถ้าต้องการลดน้ำหนัก ต้องวิ่งไกลแค่ไหน

อาหารจานโปรดที่ทาน ถ้าต้องการลดน้ำหนัก ต้องวิ่งไกลแค่ไหน?
เหมือนว่าไม่เคยทานอะไรเป็นเรื่องเป็นราว ทำไมอ้วนนะ 
ปรกติคนสูงไม่เกิน165และต้องการลดน้ำหนัก ควรทานอาหารไม่เกิน1200 กิโลแคอรี่ หมายความว่าแค่ทานผัดกระเพราะไข่ดาว กับข้าวหมูแดง ก็เกินแล้วนะคะ กาแฟเย็นไม่สามารถรับได้เลย ถ้ารับก็ต้องวิ่งห้ากิโลทุกวัน >>ถ้าทานเกิน ให้อ่านเอาตามนี้เลยคะ ถ้าคุณทานเกินไป ประมาณกระเพราไก่ไข่ได้ แปลว่าคุณต้อง วิ่งชดใช้กรรม10 กิโล ทานเข้าไปคะ อย่าได้แคร์คุณแค่ต้องวิ่งมากขึ้นเท่านั้น

จากเพจ คุณกมลชนก ปานใจ

วันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

Checklist ความชรา + 100 วิธีสวยสุขภาพดี

Checklist ความชรา + 100 วิธีสวยสุขภาพดี
   คุณอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่ส่อเค้าใกล้จะหมดสวยแล้วหรือเปล่า
  1. ราตรีนี้อีกยาวไกล ยิ่งดึกยิ่งตาสว่าง ทำยังไงก็หลับไม่ลงเสียที
  2. รู้ทั้งรู้ว่าต้องดื่มน้ำมากๆ แต่ไม่เคยดื่มได้ถึงวันละ 8 แก้วหรอกนะ
  3. เป็นสิงห์อมควันตัวฉกาจ
  4. สาวคอแข็ง ดื่มเท่าไรก็ไม่เมา
  5. นั่งอยู่ในตึกทั้งวันจะทาครีมกันแดดให้เปลืองไปทำไม
  6.  สู้งานไม่หวั่น ให้บุกน้ำลุยไฟ ท้าแดดท้าลมก็ไม่สบายมาก
  7. สาวผู้ไม่ปล่อยวาง นักยึดติดทุกสิ่งอย่างไว้กับตัว
  8. สาวกมีทเลิฟเวอร์ ผู้ปฏิเสธผักและผลไม้ทุกชนิด
  9. ฝันถึงการออกกำลังกายเสมอ แต่ไม่เคยลงมือทำเสียที
  10. รู้นะว่าฟาสต์ฟู้ดไม่ดี แต่ไม่มีเวลากินอย่างอื่นนี่นาทำยังไงได้
   ถ้าคำตอบของคุณ คือ “ใช่” เกินกว่า 5 ข้อ รีบหยิบกระจกมาส่องมองหาความหมองคล้ำ หรือริ้วรอยบนใบหน้าได้เลยค่ะ
100 วิธีสวยจากศีรษะจรดปลายเท้า
“ผม” ต้องแคร์
To do
  • การหวีผมด้วยแปรงก่อนนอนทุกวัน วันละ 10 นาที ทำให้ผมเงางาม เพราะช่วยกระตุ้นให้เลือดมาเลี้ยงรากผมมากขึ้น
  • ควรเช็ดผมให้หมาดก่อนดราย เพื่อป้องกันให้ผมร่วง แห้ง และแตกปลาย
  • เลือกใช้แชมพูที่เป็นกลางจะมีค่า PH 7 ซึ่งเหมาะกับเส้นผมทุกชนิดถึงแม้จะสระผมบ่อยก็จะไม่ทำให้ผมแห้ง
To eat
  • ไข่ นมพร่องมันเนย ถั่วเหลือง อุดมด้วยโปรตีนที่ช่วยกระตุ้นให้ผมยาวเร็วและเสริมความแข็งแรงให้เส้นผม
  • ลูกพรุน และอาหารทะเล มีแร่ธาตุทองแดงซึ่งช่วยให้รากผมแข็งแรง
  • กรดแพนโทเทนิคในผักสีเขียว เนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ ปลา ไข่แดง และธัญพืช ทำให้เส้นผมเจริญงอกงาม ชุ่มชื้นและรักษาเส้นผมให้นุ่มสลวยอย่างเป็นธรรมชาติ
  • แครอทมีวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงสุขภาพผมให้แข็งแรง
  • น้ำมันงาและถั่วแดงช่วยบำรุงเส้นผมให้ดกดำเงางามและลดการเกิดผมหงอกได้
  • สาหร่ายมีไอโอดีนทำให้เส้นผมดกดำเป็นเงางาม
Secret Recipe
  • สูตรเปลี่ยนสีผมสีน้ำตาลธรรมชาติ สระผมให้สะอาดแล้วนำเบียร์สด (ชนิดไม่แช่เย็น) 1 ถ้วยตวง ผสมกับน้ำมะนาวคั้นสด 1/2 ถ้วยตวง ชโลมให้ทั่ว คลุมผมด้วยหมวกพลาสติกพักไว้ 1-2 ชั่วโมง ล้างด้วยน้ำสะอาด แล้วล้างน้ำสุดท้ายด้วยน้ำมะนาวคั้นสด 1 ผล เกลือทะเลบด 1 ช้อนชา ผสมกับน้ำสะอาด 2 แก้ว ทำทุกวัน 1-2 สัปดาห์
  • หมักผมด้วยกล้วยหอมบดกับน้ำมันมะกอกประมาณ 15 นาทีก่อนสระผมสัปดาห์ละครั้ง ช่วยให้ผมสลวยเป็นเงางาม
  • ใช้โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ หมักผมประมาณ 30 นาที ก่อนสระผม ช่วยให้ผมนุ่มสลวย ลดการแตกปลาย
ผิวหน้าเปล่งปลั่ง อ่อนวัย
To do
  • การล้างหน้าบ่อยเกิน 2 ครั้งต่อวัน จะกระตุ้นให้เกิดสิวและผิวแห้ง
  • การทาครีมกันแดดควรทาให้เคลือบทั่วไปหน้า แต่ไม่นวดให้ซึมเข้าสู่ผิว เพื่อให้ครีมกันแดดเป็นปราการด่านแรกที่กระทบกับแสงแดด
  • ควรทดสอบคลีนซิ่งออยล์ก่อนซื้อทุกครั้ง ผลการสำรวจพบว่าคนไข้ 30 เปอร์เซ็นต์ที่มีอาการผดผื่นบนใบหน้า มีสาเหตุมาจากการอุดตันของคลีนซิ่งออยล์
  • ใช้ทิชชู่ห่อน้ำแข็งถูให้ทั่วใบหน้า เน้นบริเวณทีโซน ประมาณ 2 นาที ทุกเช้าเย็น จะช่วยกระชับรูขุมขนบนใบหน้าได้
  • การใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางนวดวนจากข้างจมูกขึ้นไปที่โหนกแก้มก่อนแต่งหน้าทุกครั้ง จะช่วยให้แก้มกระชับอยู่เสมอ
  • ใช้น้ำมันทีทรี (Tea tree oil) แต้มสิว จะช่วยให้สิวหายเร็วขึ้น 
  • ทาน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ช่วยลดการอักเสบของสิวได้ เพียงนำมาแต้มบริเวณหัวสิว
  • น้ำผึ้งมีสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ส่วนยางผึ้งมีฤทธิ์กำจัดแบคทีเรียและสมานผิว เมื่อนำมาแต้มรอยสิวที่ยังไม่แห้งจะช่วยให้สิวหายเร็วขึ้น
  • ทาน้ำส้มสายชูช่วยรักษาผิวไหม้แดด เพราะเมื่อน้ำส้มสายชูระเหยจะนำความร้อนจากผิวไหม้แดดออกไป น้ำส้มสายชูยังมีสรรพคุณต้านการอักเสบและคันจากผิวไหม้แดดได้
  • ใช้น้ำมะนาวทาบริเวณที่เป็นกระช่วยให้รอยกระจางลงได้
To eat
  • วิตามินบี 5 จากจมูกข้าว ช่วยลดผื่นแดง ผื่นแพ้ และช่วยลดกระได้
  • ข้าวกล้องมีเส้นใยช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายดี ส่งผลให้หน้าใสและไม่มีกลิ่นตัว
  • แร่ธาตุสังกะสีซึ่งมีอยู่ในเมล็ดฟักทองช่วยรักษาผิวอักเสบและรอยคล้ำบนใบหน้า
  • การดื่มน้ำแครอท 2-4 แก้วต่อวัน จะช่วยลดการเกิดสิวได้
  • อาหารที่มีวิตามินบี 6 เช่น อะโวคาโด กล้วย ถั่วเมล็ดแห้ง มันฝรั่ง ช่วยปรับสมดุลของระดับฮอร์โมน และบรรเทาอาการอักเสบของสิวได้
  • สำหรับคนที่เป็นสิวก่อนประจำเดือน ลองดื่มชาเชสเบอร์รี่ (Chaste berry) วันละ 1-2 ถ้วย เพื่อปรับสมดุลของฮอร์โมน ลดการเกิดสิว แต่ต้องดื่มติดต่อกันประมาณ 1-2 เดือน
Secret Recipe
  • ผสมมะเขือเทศบด 1 ช้อนโต๊ะกับโยเกิร์ตและน้ำผึ้งอย่างละ 1 ช้อนชา พอกทิ้งไว้ 20 นาที แล้วล้างออก จะช่วยกระชับรูขุมขนให้เล็กลงได้
  • นำอะโวคาโดมาปอกเปลือก สับ และทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ 20 นาที วิตามินอีในอะโวคาโดจะช่วยให้ผิวหน้าชุ่มชื้น
  • ผสมโยเกิร์ตสูตรธรรมชาติกับน้ำมันงาบริสุทธิ์ พอกผิวหน้าไว้ประมาณ 10 นาที ช่วยให้ผิวหน้าชุ่มชื้นและลดริ้วรอยได้ดี
  • ใช้หัวไชเท้าบด 1 ช้อนชา ผสมกับน้ำผึ้ง 1/2 ช้อนชา พอกทิ้งไว้ 20 นาที แล้วล้างออก ช่วยลดฝ้าและจุดด่างดำบนใบหน้าได้
เอวกิ่ว สะโพกกระชับ
To do
  • การนวดวนขณะอาบน้ำเป็นประจำ ช่วยลดปัญหาเซลลูไลต์ได้
  • บริหารต้นขาง่ายๆ ทุกเช้า โดยนอนตะแคงข้างแล้วยกขาขึ้นลง ข้างละ 15 ครั้ง จะช่วยลดไขมันและกระชับกล้ามเนื้อต้นขาได้
To eat
  • หันมากินอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง เผือก ช่วยลดการสะสมของไขมันบริเวณเอวและสะโพกได้
  • การรับประทานอาหารที่มีกรดไขมัน รวมทั้งน้ำมันปลา ถั่ว และธัญพืช ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตได้
  • สารแอลบูมินที่มีอยู่ในอาหารกลุ่มโปรตีนไขมันต่ำจำพวกถั่วช่วยลดระดับของเหลวที่สะสมอยู่ในเซลลูไลต์ได้
  • หลีกเลี่ยงอาหารประเภทนม เนย น้ำตาลบริสุทธิ์ คาเฟอีน และอาหารมันๆ เพราะกระตุ้นให้เกิดการสะสมของเซลลูไลต์มากขึ้น
Secret Recipe
  • นำส้มเขียวหวานปอกเปลือกและแกะเม็ด คลุกกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะและข้าวโอ๊ต 2 ช้อนโต๊ะ ขัดเบาๆ บริเวณที่มีเซลลูไลต์สัปดาห์ละ2 ครั้ง จะช่วยลดปริมาณเซลลูไลต์ได้

คอลัมน์ Beauty นิตยสาร Health & Cuisine พฤษภาคม 2552

วันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

10 วิธีการลดความอ้วนแบบธรรมชาติ

10 วิธีการลดความอ้วนแบบธรรมชาติ 
โรคอ้วน เสี่ยงต่อสุขภาพของคุณ และการลดน้ำหนักแบบผิดๆยิ่งทำให้แย่มากขึ้น 

1) ผลไม้ และผักสีเขียว มีแคลลอรี่ต่ำ ดังนั้นคุณควรทานให้บ่อยมากขึ้น
2) หลีกเลี่ยงการบริโภคเกลือและ หวานมากเกินไป เพราะเป็นปัจจัยในการเพิ่มน้ำหนักตัว แต่ใช้เครื่องเทศ เช่นขิงแห้ง, อบเชย, พริกไทยดำแทน เป็นที่ดีสำหรับการลดความอ้วน
3) หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์นม อย่างนม ชีส เนย ไขมันสัตว์ เพราะเป็นบ่อเกิดไขมันอุดตันในเส้นเลือด และแคลลอรี่สูงมาก
4) การยกน้ำหนัก เป็นการเผาผลาญไขมันที่ดีมาก ผู้หญิงที่กลัวมีกล้ามเลิกกลัวได้แล้วคะ การยกน้ำหนักคือตัวช่วยที่ขยันขันแข็งแม้ยามที่เราพักผ่อน นอนหลับก็ยังช่วยเราเผาผลาญไขมัน
5) การออกกำลังกาย เป็นส่วนสำคัญของการลดความอ้วน เพราะช่วยให้ใช้แคลอรี่เก็บไว้ในร่างกายเป็นไขมัน บรรเทาความตึงเครียดและเสียงขึ้นกล้ามเนื้อของร่างกาย เดินคือการออกกำลังกายที่ดีที่สุด ออกกำลังกายอย่างเข้มข้น ให้ได้อย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง ถ้าคุณอยากผอมลง
6) โยคะ ช่วยให้ร่างกายไม่เครียด และกล้ามเนื่อไม่ตึงเครียดเป็นต้นกำเนิดของความอ้วนเช่นกัน
7) น้ำมะนาวเป็นที่ยอดเยี่ยมสำหรับการลดความอ้วนเพราะช่วยดีทอกซ์ อย่าใส่เกลือหรือน้ำผึ้งเพราะน้ำผึ้งคือน้ำตาชั้นดี แต่ก็อ้วนอยู่ดี
8) ให้แน่ใจว่าอาหารทุกมื้อของคุณมีขนาดเล็กลงกว่าที่เสิร์พ เราทานอาหารขนาดใหญ่ขึ้นกว่าที่เราต้องการ ตัวอย่างเช่นส่วนหนึ่งของข้าวไม่ควรจะเกินขนาดกำปั้นของคุณ
9) ทานบ่อยขึ้น เช่นทุกสามชั่วโมง ทานถั่วหนึ่งกำมือ ผลไม้ไม่หวาน ปลาซาลม่อน สามสี่ชิ้น ช่วยทำให้การเผาผลาญของคุณสูง จำไว้ว่าน้ำมันต้องการความร้อนในการเผาผลาญและ การทานอาหารมื้อเล็กๆ ทำให้ระบบเผาผลาญยังคงทำงานดี และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอก็เช่นกัน
10) ดื่มน้ำเปล่าหนึ่งแก้วทุกชั่วโมงจนกว่าจะนอน ช่วยล้างพิษที่คุณมีในร่างกาย และเลี่ยงพิษทุกรูปแบบ อย่างน้ำอัดลม อาหารขยะ ขนมกรุบกรอบ อาหารที่ผลิตจากโรงงาน เลี่ยงอยู่ในที่ๆ มีมลภาวะมาก เป็นต้น เมื่อร่างกายมีพิษก็จะสร้างไขมันมาเยอะเพื่อแก้พิษ
 

ต้องค่อยๆ ปรับคะ แล้วคุณจะรู้ว่าไม่ยากเลย อ่านแล้วทำตามอย่างเคร่งครัด 21 วันเห็นผลคะ 

เรื่องจากเพจคุณกมลชนก ปานใจ

วันอังคารที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เรื่องของการลดน้ำหนักที่เราได้รับการบอกต่อๆ กันมาจากเพื่อน บางทีก็เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันไปเอง

เรื่องของการลดน้ำหนักที่เราได้รับการบอกต่อๆ กันมาจากเพื่อน บางทีก็เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันไปเอง
 

ความเชื่อ : ออกกำลังมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น
ความจริง : การออกกำลังเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาน้ำหนักตัว และ ทำให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้น แต่การออกกำลังทุกวัน อาจทำให้เกิดผลในทางตรงกันข้ามได้ ซึ่งอาจทำให้ภูมิคุ้มกันคุณอ่อนแอลง ทำให้ข้อต่อต่างๆ ล้า และทำให้ร่างกายของเราอ่อนแรง ถ้าคุณออกกำลังด้วยท่าทางที่ไม่ถูกต้องเนื่องมาจากความอ่อนล้า คุณก็จะเผาผลาญแคลอรีได้น้อยกว่าการออกกำลังอย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันความอ่อนล้าจากการออกกำลัง ควรจัดวันสำหรับพักผ่อนอย่างน้อยหนึ่งวันในแต่ละสัปดาห์ และเปลี่ยนแปลงการออกกำลังไปเล็กน้อยในแต่ละครั้ง เช่น บริหารแขนวันหนึ่ง แล้วก็บริหารขาอีกวันหนึ่ง เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้กล้ามเนื้อชุดเดียวกันมากเกินไป

ความเชื่อ : กล้ามเนื้อ หนักกว่าไขมัน
ความจริง : ถ้าคุณออกกำลังมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ตาชั่งบอกตัวเลขที่มากกว่าที่คุณคิดเอาไว้ คุณอาจอยากบอกตัวเองว่า "มันเป็นน้ำหนักของกล้ามเนื้อ" เพราะกล้ามเนื้อหนักกว่าไขมันไม่ใช่หรือ? ก็ไม่ขนาดนั้นนะ กล้ามเนื้อหนึ่งกิโลกรัมกับไขมันหนึ่งกิโลกรัม ก็คือหนึ่งกิโลกรัม  เท่ากัน แต่เพราะกล้ามเนื้อมีความหนาแน่นกว่าไขมัน การมีกล้ามเนื้อมากกว่าไขมันจึงทำให้คุณดูผอมกว่า และมันก็มีประโยชน์อื่นด้วย นั่นคือกล้ามเนื้อหนึ่งกิโลกรัมเผาผลาญราว 50 แคลอรีต่อวัน ในขณะที่ไขมันหนึ่งกิโลกรัมเผาผลาญแค่ 2 แคลอรีต่อวัน ฉะนั้น ยิ่งคุณมีไขมันน้อยเท่าไหร่ อัตราการเผาผลาญของคุณก็จะสูงเท่านั้น

ความเชื่อ : เมื่ออายุมากขึ้นก็เลี่ยงไม่ได้ที่น้ำหนักจะเพิ่มขึ้น
ความจริง : ไขมันส่วนใหญ่ไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่น้ำหนักมักเปลี่ยนไปจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การให้กำเนิดบุตร หรือกระดูกทีอ่อนแอลง ซึ่งคุณสามารถทำให้การเปลี่ยนแปลงช้าลงได้ด้วยการยกน้ำหนัก จากการศึกษาของสถาบันสุขภาพแห่งชาติ สหรัฐฯ ผู้หญิงที่น้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน ซึ่งยกน้ำหนักเพียงแค่สัปดาห์ละสองครั้ง มีการสะสมของไขมันที่หน้าท้องเพิ่มขึ้นเล็กน้อย (7 เปอร์เซ็นต์ในช่วงสองปี) เมื่อเทียบกับคนไม่ได้ออกกำลัง (ซึ่งไขมันที่สะสมในหน้าท้องเพิ่มขึ้นถึง 21 เปอร์เซ็นต์ในช่วงสองปี) ยิ่งคุณยกน้ำหนักเร็วขึ้นเท่าไหร่ ก็จะยิ่งง่ายที่จะทำให้รอบเอวไม่เพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป

ความเชื่อ : คุณต้องลดน้ำหนักอย่างมากเพื่อที่จะได้ประโยชน์ทางสุขภาพ
ความจริง : ถ้าคุณมีตัวเลขที่ต้องลดถึงสองหลัก อาจฟังดูน่ากลัว แต่การลดเพียงแค่ไม่กี่กิโลฯ ก็สามารถมีผลอย่างมากต่อสุขภาพของคุณแล้ว โดยน้ำหนักส่วนเกินทุกหนึ่งกิโลที่คุณลดลงได้ คอเลสเตอรอลของคุณจะลดลงโดยเฉลี่ย 3 จุด ผู้ชายและผู้หญิงสามารถลดความดันโลหิตลงได้หลังจากลดน้ำหนักเพียงแค่ 4-5 กก. ร่างกายของเราสามารถบอกได้เมื่อเราลดน้ำหนัก แม้มันจะเล็กน้อย แต่ร่างกายก็จะปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว

วันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง อาหาร 11 อย่างที่ทำให้คุณ แก่ขึ้น

การลดอาหารบางอย่างอาจช่วยคุณชะลอความแก่ได้ โดยไม่ต้องพึ่งเครื่องสำอางค์ในการชะลอความแก่เลย ไปดูกันว่า อาหาร 11 อย่าง ที่คุณควรหลีกเลี่ยงหากไม่อยากแก่ก่อนวัยมีอะไรบ้าง

1. น้ำตาล - น้ำตาลจะไปจับตัวกับคอลลาเจนในร่างกาย ทำให้ผิวหนังของคุณไม่ยืดหยุ่น จนเกิดรอยเหี่ยวย่นลึก ซึ่งจะทำให้คุณดูแก่ขึ้น
 2. ไขมันไม่อิ่มตัว - โดยเฉพาะไขมันไม่อิ่มตัวที่มีทรานส์ไอโซเมอร์สูง เช่นเนื้อวัว เฟรนช์ไฟรส์ ส่งผลให้เส้นเลือดอุดตัน และผิวหนังดูแก่ขึ้น

3. เกลือ - เกลือจะไปดูดซึ่มน้ำในร่างกาย ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย นอกจากนี้ยังทำให้เกิดความเสี่ยงในการเป็นโรคไต ความดันในเลือดสูง และชะลอดูดซึมสารอาหารเข้าสู่กระดูก

 4. กาแฟ - กาแฟจะดูดซึมน้ำในร่างกาย และทำให้ดูเหนื่อยล้า
 5. ลูกอม - น้ำตาลในลูกอม ส่งผลให้เกิดการระคายเคืองในร่างกาย และทำให้เกิดรอยเหี่ยวย่น
 6. สารให้ความหวานเทียม - เช่น แอสปาแตม ส่งผลให้เกิดอาการปวดหัวและปวดข้อ และทำให้อยากน้ำตาลมากขึ้น
 7. แอลกอฮอล์ - แอลกอฮอลจะดูดซึมน้ำในร่างกาย ทำให้เกิดรอยเหี่ยวย่น ชลอการจับตัวกันของคอลาเจนต้ผิวหนัง ทำให้เกิดจุดแดงและอาการบวม

8. เครื่องดื่มชูกำลัง - เครื่องดื่มชูกำลังทำลายสารเคลือบฟันมากกว่าดื่นน้ำอัดลมถึง 8 เท่า ทำให้ฟันเหลือและฟันไม่แข็งแรง

9. คาร์โบไฮเดรท - คาร์โบไฮเดรทจำนวนมากเกินไปจะทำลายคอลาเจนและเส้นใยใต้ผิวหนัง

10. อาหารทอด - การบริโภคอาหารทอด ทำให้จับตัวกันของคอลาเจนใต้ผิวหนังช้าลง ส่งผลให้ผิวหนังเหี่ยวย่น

 11. น้ำอัดลม - การดื่มน้ำอัดลมทำให้ร่างกายขาดน้ำ และอ่อนเพลีย