คอลลาเจน กับริ้วรอยและตีนกา
คอลลาเจนเป็นโปรตีนหลักชนิดหนึ่งที่พบได้ในเนื้อเยื่อของสัตว์ ซึ่งรวมกันแล้วคิดเป็น 25% ของน้ำหนักตัว โดยธรรมชาติแล้วจะเป็นเส้นใยตาข่ายที่ยึดเนื้อเยื่อต่างๆ ของอวัยวะเข้าด้วยกัน เปรียบได้กับกาวเนื้อเยื่อที่ยึดกันเข้าเป็นรูปทรง
ดังนั้นจึงพบได้ในเนื้อเยื่อทุกชนิด ของร่างกาย
และพบได้ทั้งในและภายนอกเซลล์ เป็นตัวที่ทำให้เกิดความแข็งแกร่งของเนื้อเยื่อ
ด้วยเหตุนี้จึงพบได้มากในพังผืด, กระดูกอ่อน,
เอ็น, กระดูกและฟัน
ที่ผิวหนัง คอลลาเจนจะเป็นตัวที่ทำให้ผิวมีความแข็งแรงและยืดหยุ่น ดังนั้น ถ้าคอลลาเจนถูกทำลายจากสาเหตุอะไรก็ตาม ก็จะทำให้เกิดริ้วรอย ร่องลึกที่ผิวหนังได้
ในทางการแพทย์ ได้มีการนำคอลลาเจนมาใช้กันอย่างแพร่หลายในทุกสาขา
โดยเฉพาะทางด้านศัลยกรรมความงาม
ประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
1. การใช้คอลลาเจนเพื่อความสวยงาม
อาจจะมีปฏิกิริยาแพ้ได้ และทำให้เกิดผื่นแดงเป็นเวลานาน ดังนั้นก่อนที่จะใช้
ควรทำการทดสอบการแพ้ก่อน
วิธีทดสอบการแพ้ ด้วยวิธีง่ายๆ
คือ ให้ทาที่ผิวหนังบริเวณหลังใบหู หรือที่ผิวหนังด้านในของข้อพับแขน
ถ้ามีรอยแดงหรือมีอาการคันเกิดขึ้นใน 24 ชม. แสดงว่าอาจจะแพ้ได้
2. คอลลาเจนที่ใช้ทางการแพทย์
ส่วนใหญ่ได้มาจากหนังวัวรุ่น (ที่ไม่มีปัญหาเรื่องเชื้อวัวบ้า) ซึ่งผู้ผลิตส่วนใหญ่จะใช้วัวจากประเทศที่ไม่มีการแพร่ระบาดของเชื้อวัวบ้า
เช่น ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เป็นต้น
3. หนังหมูก็มีการนำมาใช้ผลิตคอลลาเจนกันมาก
เพื่อทดแทนปัญหาเรื่องความปลอดภัยจากเชื้อวัวบ้า โดยเฉพาะทำเป็นแผ่นชีตคอลลาเจน
ที่ใช้ในการผ่าตัด
4. ปัญหาจากการใช้คอลลาเจนจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
เช่น วัว เป็นต้น ยังคงมีปัญหาเรื่องปฏิกิริยาการแพ้อยู่มาก จึงมีการเลี่ยงไปใช้คอลลาเจนที่ผลิตจากหนังปลาหรือไข่ของปลาเทราท์
ทำให้ราคาของคอลลาเจนสูงมากเมื่อเทียบกับคอลลาเจนจากหนังวัวหรือหมู (เช่น คอลลาเจนจากหนังวัวอยู่ที่
400 - 2,000 บาท/ก.ก. แต่ถ้าเป็นคอลลาเจนจากปลา
ราคาอาจจะสูงถึงก.ก.ละ 20,000 บาท!)
5. การใช้คอลลาเจนจากสัตว์
(แม้จะได้จากปลา) ก็ยังคงมีปัญหาเรื่องแพ้ได้ ปัจจุบันมีการเลี่ยงมาใช้คอลลาเจนที่ได้จากพืช ทำให้ปัญหาเรื่องแพ้ลดน้อยลง
แต่ก็มีราคาสูงเช่นกัน
คอลลาเจนมีกี่ชนิด?
คอลลาเจนพบได้ทุกแห่งในร่างกาย จากการศึกษาพบว่ามีทั้งสิ้น
28 ชนิด และกว่า 90% ของคอลลาเจนที่พบในร่างกาย
เป็นชนิด 1, 2, 3 และ 4
·
คอลลาเจน ชนิดที่ 1: พบมากที่กระดูก
และช่วยในการซ่อมแซมผิว มีมากที่บริเวณแผลเป็น
·
คอลลาเจน ชนิดที่ 2: พบมากที่กระดูกอ่อน
·
คอลลาเจน ชนิดที่ 3: พบมากที่เส้นใยของอวัยวะกลวง เช่น
เส้นเลือด หลอดอาหาร เป็นต้น
·
คอลลาเจน ชนิดที่ 4: มีมากที่ผนังด้านล่างของเซลล์บุ (เซลล์บุพบที่ผิวของอวัยวะทุกชนิด)
คอลลาเจนพอจะรู้จักคร่าวๆ และนอกจากนี้ คอลลาเจนจะมีผลต่อการรักษาริ้วรอย ร่องผิวลึกได้
บทความจาก เบร
คอสเมติก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น